วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552

โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

ในร่างกายของคนเรามีเม็ดเลือด ทั้งเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด แต่เมื่อใดที่ร่างกายมีการสร้างเม็ดเลือดขาวมากผิดปกติ อาจคาดคะเนได้ว่า “โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว” กำลังมาเยือน












ศ.พญ.แสงสุรีย์ จูฑา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยาและหัวหน้าโครงการเปลี่ยนถ่าย ไขกระดูก โรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายลักษณะของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวให้ฟังว่า สามารถแบ่งออกเป็นชนิดใหญ่ ๆ 2 ชนิด คือ ชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรื้อรัง นอกจากนี้มะเร็งเม็ดเลือดขาวทั้ง 2 ชนิดข้างต้นยังแบ่งออกตามลักษณะของเซลล์ได้เป็น 2 แบบ คือ แบบไมอีลอยด์ (myeloid leukemia) และ แบบลิมฟอยด์ (lymphoid leukemia) ซึ่งใน ปัจจุบันพบ ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยพบแบบไมอีลอยด์มากกว่าแบบลิมฟอยด์

“สาเหตุของมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบไมอี ลอยด์ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่การฉายรังสีเป็นปัจจัยเดียวที่ยืนยันได้ว่าอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยที่เคยได้รับการฉายรังสีเพื่อการรักษาโรคข้อบางชนิดและผู้ที่รอดชีวิตจากการทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาและนางาซากิที่ได้รับสารกัมมันตรังสี พบว่า มีอัตราการเกิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบไมอีลอยด์สูงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า”

โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวส่วนใหญ่จะพบในอายุระหว่าง 15-50 ปี อายุเฉลี่ยในต่างประเทศประมาณ 39-48 ปี แต่ในประเทศไทยจากการศึกษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดีพบว่า อายุเฉลี่ยของผู้ป่วยอยู่ระหว่าง 36-38 ปี ร้อยละ 89 ของผู้ป่วยในประเทศไทยจะมีอายุต่ำกว่า 50 ปี พบในผู้ชายบ่อยกว่าผู้หญิงเล็กน้อย บางรายไม่มีอาการอะไรแต่ทราบว่าเป็นโรคนี้โดยบังเอิญ อาจจะไปตรวจร่างกายประจำปีแล้วตรวจพบว่าเป็นโรคนี้ หรือไม่สบายเป็นอย่างอื่น ไปพบแพทย์แล้วตรวจพบว่าเป็นโรคนี้ นอกจากนั้น อาจจะมีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ผอมลง ทานอาหารแล้วแน่นท้องหรือคลำพบก้อนเนื้อในท้อง ผู้ป่วยชายบางรายอาจพบแพทย์ด้วยอาการอวัยวะเพศแข็งตัวไม่ยอมหด รวมทั้งตรวจเลือดพบว่าเป็นโรคนี้ ประมาณร้อยละ 80-90 ของผู้ป่วยมีม้ามโต คลำได้ชัดเจน ขนาดของม้ามขึ้นอยู่กับระยะเวลาของโรคยิ่งเป็นมานานม้ามยิ่งโต

ผู้ป่วยโรคนี้มีความผิดปกติทางเลือดที่พบจำเพาะโรคนี้คือ บางส่วนของแขนยาวของโครโมโซมคู่ที่ 9 ถูกย้ายไปอยู่บนแขนยาวของโครโมโซมคู่ที่ 22 และบางส่วนของแขนยาวของโครโมโซมคู่ที่ 22 ถูกย้าย ไปอยู่บนแขนยาวของโครโม โซมคู่ที่ 9 สลับที่กัน โดยเรียกโครโมโซมคู่ที่ 22 ที่มีส่วนของคู่ที่ 9 อยู่ด้วยว่า ฟิลาเดลเฟียโครโมโซม ซึ่งพบฟิลาเดลเฟียโครโมโซมในผู้ป่วยโรคนี้ประ มาณร้อยละ 95

สำหรับความผิดปกติ ทางเลือดที่ตรวจพบ คือ ผู้ป่วยจะมีโลหิตจางเล็กน้อยถึงปาน กลาง เม็ดเลือดขาวจะสูงกว่าปกติ โดยขึ้นอยู่กับว่าเป็นมานานเท่าไรแล้ว ม้ามโตมากเท่าไร ยิ่งเป็นมานาน ม้ามโตมาก เม็ดเลือดขาวจะยิ่งสูงมาก บางรายสูงถึง 4-5 แสน ต่อ ลบ.ซม. โดยคนปกติจะมีเม็ดเลือดขาวประมาณ 5,000-10,000 ต่อ ลบ.ซม. ส่วนจำนวนเกล็ดเลือดมักปกติหรือสูงกว่าปกติ มีบางรายที่อาจมีเกล็ดเลือดต่ำได้

ผู้ป่วยจะมีอยู่ 3 ระยะด้วยกัน คือ ระยะเรื้อรัง ส่วนใหญ่ตอนที่มาพบแพทย์ครั้งแรก มักจะอยู่ในระยะนี้เมื่อได้รับการรักษาแล้ว ผู้ป่วยมักเข้าสู่ระยะที่โรคสงบ ตับ ม้ามมักจะยุบหมด เม็ดเลือดกลับมาปกติ ผู้ป่วยมักจะมีชีวิตอยู่ประมาณ 3-5 ปี จากนั้นจะเข้าสู่อีกระยะหนึ่ง

ต่อมาเป็น ระยะลุกลาม เมื่อรักษาไปสักระยะหนึ่งผู้ป่วยบางคนเข้าสู่ระยะลุกลามทำให้เริ่มไม่ได้ผลจากการรักษา เริ่มมีอาการซีด อาจต้องให้เลือดหรือส่วนประกอบของเลือด บางรายเกล็ดเลือดต่ำ ถ้าต่ำมากก็อาจทำให้มีจุดเลือดออกตามตัว หรือเลือดออกตามไรฟันได้ เม็ดเลือดขาวสูงขึ้น ม้ามเริ่มโตขึ้นทำให้แน่นท้องมากขึ้น

สุดท้าย คือ ระยะเฉียบพลัน ถือว่าเป็นระยะสุดท้ายของโรค มีอาการคล้าย ๆ กับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันคือ มีไข้ ซีดมาก เพลีย มีอาการเลือดออกง่ายหรือ มีจุดเลือดออกตามตัว หรือแขน ขา เลือดออกตามไรฟัน เป็นต้น ระยะนี้ถือว่าเป็นระยะสุดท้ายของโรค การรักษาส่วนใหญ่มักไม่ได้ผลดี

“การวินิจฉัยของโรคนี้ ทำได้โดยการตรวจหาค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดที่เรียกว่า ซีบีซี (Complete Blood Count : CBC) เพื่อตรวจดูจำนวนเม็ดเลือดทั้งหลาย ทั้งเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด และวิธีพิสูจน์ว่า เป็นโรคนี้หรือไม่นั้นทำได้โดย การตรวจไขกระดูก เพื่อดูว่ามีโครโมโซมที่ผิดปกติที่เรียกว่า ฟิลาเดลเฟียโครโมโซม อยู่หรือไม่ ถ้ามีก็ชัดเจนว่าเป็นโรคนี้แน่นอน”

ด้านทางการรักษา ทำได้โดย ยาเคมีบำบัด ส่วนใหญ่จะ ใช้วิธี เคมีบำบัดชนิดรับประ ทานยา ที่มีใช้กันแพร่หลาย คือ บูซัลแฟน (Busulfan) และไฮดรอกซียูเรีย (Hydroxyurea) ยาทั้ง 2 ตัวสามารถจะควบคุมให้จำนวนเม็ดเลือดขาวที่สูงในโรคนี้ ลงมาอยู่ในระดับปกติได้ถือว่าอยู่ในระยะโรคสงบ แต่ถึงแม้ว่าเม็ดเลือดขาวจะกลับมาปกติ โลหิตจางหายไปได้ แต่ตัวฟิลาเดลเฟียโครโมโซมก็ยังมีอยู่ ดังนั้นจึงหมายความว่าโรคยังอยู่ไม่ได้หายขาดจากโรค และการให้เคมีบำบัดชนิดต่าง ๆ ก็ไม่สามารถจะทำให้จำนวนฟิลาเดลเฟียโครโมโซมหายไปได้ เคมีบำบัดเหล่านี้จึงเป็นเพียงยาที่ควบคุมให้โรคสงบลงเท่านั้น แต่ไม่ได้รักษาให้หายขาดได้ รวมทั้งการใช้ยาฉีดอินเทอร์เฟียรอน (interferon) เป็นยาฉีดที่ราคาค่อนข้างสูง ต้องฉีดทุกวันและมีผลข้างเคียงของยามาก เช่น เพลีย เป็นไข้สูง ปวดเมื่อยคล้าย ๆ เป็นไข้หวัดใหญ่ คนไข้ไทยไม่ค่อยตอบสนองกับยาเท่าที่ควรมีเพียง 18 เปอร์เซ็นต์ที่ได้ผล

“การปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นอีกวิธีหนึ่งในการรักษา ที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยมีข้อจำกัดอยู่ว่า ผู้ป่วยที่จะทำการปลูกถ่ายไขกระดูกได้จะต้องมีอายุไม่เกิน 55 ปี เพราะร่างกายจะทนการใช้ยาเคมีบำบัดไม่ไหวและมีปัญหาแทรกซ้อนจากการปลูกถ่ายไขกระดูกมากกว่าคนที่อายุยังน้อย

รวมทั้งต้องมีพี่น้องพ่อแม่เดียวกันที่มีเนื้อเยื่อเข้ากันได้ โดยดูจากการตรวจ เอช แอล เอ ว่าเข้ากันได้หรือไม่ โดยพี่น้องพ่อแม่เดียวกันมีโอกาสที่จะมี เอช แอล เอ เหมือนกันประมาณร้อยละ 25 ทำให้มีผู้ป่วยเพียงร้อยละ 15-20 เท่านั้นที่ทำได้

นอกจากนี้ การทำการ ปลูกถ่ายไขกระดูกภายใน 1 ปีแรกหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้จะได้ผลดีกว่าการทำการปลูกถ่ายไขกระดูกหลังจากวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้เกิน 1 ปีไปแล้ว ตลอดจนมีค่าใช้จ่ายสูง และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง มีการต่อต้านกันในร่างกายระหว่างช่วงการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกได้ด้วยเช่นกัน”

หลังจากมีการศึกษาวิจัยพบว่า ยาที่มีชื่อว่า ทาร์เก็ต เธอร์ราปี เป็นยาที่ส่งผลเฉพาะจุด ทำลายเฉพาะส่วนที่เป็นเซลล์มะเร็ง ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน ที่ได้ผลดี โดย 85 เปอร์เซ็นต์ ของคนไข้ที่กินยาตัวนี้ตรวจไม่พบฟิลาเดลเฟียหรือพบฟิลาเดลเฟียเหลือศูนย์ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี

ศ.พญ.แสงสุรีย์ แนะ นำเพิ่มเติมว่า “เคล็ดลับการป้องกันโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง คือ หมั่นตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดเพื่อดูความผิดปกติของเม็ดเลือดเป็นประจำทุกปีอย่างสม่ำเสมอ ด้วยวิธี ซีบีซี เป็นประจำทุกปี เพราะยิ่งตรวจพบเร็ว ได้รับการรักษาเร็วก็จะยิ่งทำให้อัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น”

หมั่นตรวจเช็กร่างกายเป็นประจำ...เพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป.

เคล็บลับสุขภาพดี

ร้อนนี้หลายคนคิดถึงความอบอุ่นของไอแดด ภายใต้ท้องฟ้าและน้ำทะเลสีคราม ในวันหยุดยาวและการท่องเที่ยว ถือว่าฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของปีช่วงหนึ่งที่หลายคนตั้งตารอ แต่อย่าปล่อยให้บรรยากาศความสนุกในฤดูร้อนพาเพลิดเพลินจนลืมปกป้องผิวจากแสงแดดที่ร้อนระอุ อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังกันนะคะ

รังสียูวีจากแสงแดดแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ ยูวีเอ ยูวีบี และยูวีซี แต่ที่ร้ายแรงต่อผิวเราคือ ยูวีเอและยูวีบี พญ.ธิดากานต์ รัตนบรรณางกูร แพทย์จากสถาบันสุขภาพผิวพรรณ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ให้ความรู้ว่า ยูวีเอ เป็นตัวการสำคัญก่อให้เกิดอนุมูลอิสระเข้าทำลายคอลลาเจน อิลาสตินและเซลล์ผิวหนังภายใน ส่งผลให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและอ่อนแอลง ผิวเหี่ยว หมองคล้ำ แก่ก่อนวัย ต่างจาก ยูวีบี ที่ทั้งทำลายผิวให้เห็นด้วยตาภายนอก คือไหม้และดำ ทำลายคอลลาเจนและเซลล์ผิวหนังโดยตรงอันเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง

ดังนั้นจึงต้องเลือกครีมกันแดดเพื่อปกป้องทั้งสองยูวี โดยค่าเอสพีเอฟ (SPF) ที่เราเคยได้ยินเป็นประจำเป็นค่าที่บ่งถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี ซึ่ง ยูวีบีค่าที่เหมาะสำหรับแสงแดดบ้านเราอยู่ที่ SPF 15 เป็นต้นไป แต่หากต้องไปตากแดดตามชายทะเล สนามกอล์ฟ ต้องเลือกครีมกันแดดมีค่า SPF 30 เป็นต้นไป ส่วนยูวีเอยังไม่มีการกำหนดหน่วยวัดเป็นมาตรฐานแต่มีเทคนิคง่าย ๆ คือ เลือกครีมที่มีส่วนประกอบของ ไทเทเนียมออกไซด์ ซิงค์ออกไซด์ หรือ เอโวเบนโซน เป็นสารที่สามารถปกป้องได้ทั้ง 2 ยูวี โดยต้องทาก่อนออกแดด 30 นาทีและทาซ้ำอีกครั้ง จะช่วยให้เนื้อครีมกระจายตัวปกป้องผิวได้ทั่ว หากมีเหงื่อออกหรือเล่นน้ำ ควรทาซ้ำอีกหลังจากเช็ดตัวให้แห้งแล้ว

นอกจากนี้ควรใส่หมวกปีกกว้างหรือกางร่มป้องกันด้วย ซึ่งร่มชนิดกันแสงยูวีจะกรองรังสียูวีได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เมื่อรู้จักปกป้องผิวจากภายนอกแล้วควรปกป้องผิวจากภายในด้วย โดยผู้ที่อยู่กลางแดดนาน ๆ จะเสียเหงื่อมาก จึงควรดื่มน้ำทดแทนหากปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำจะเสี่ยงต่ออาการมึนศีรษะ หน้ามืด อ่อนเพลีย ส่งผลให้ผิวแห้งเหี่ยวขาดความชุ่มชื้น การรับประทานผลไม้อย่างส้ม แอปเปิ้ล องุ่น เบอรี่ มังคุด ทับทิม ฝรั่ง เป็นผลไม้มีวิตามินซี เบต้า แคโรทีน ซีแซนทีนและวิตามินบีรวม จะช่วยให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยมีพลังงาน

หากเราลืมหรือหลีกเลี่ยงแสงแดดไม่ได้ มีวิธีแก้ไขคือ พยายามดื่มน้ำสะอาดเพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป ไม่ควรตากแดดเพิ่ม หมั่นทาครีมบำรุงเพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิวหรือครีมที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการผิวไหม้แดดได้ บริเวณผิวที่แสบแดงมากอาจใช้ผ้าก๊อซหรือผ้าสะอาดชุบน้ำเย็นประคบ หากอาการเป็นมาก มีตุ่มน้ำพุพองหรือเป็นไข้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์จัดยาทาและยารับประทานบรรเทาอาการ

ร้อนนี้หลีกเลี่ยงผิวจากแสงแดดและควรปกป้องผิวด้วยการทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เพื่อสุขภาพผิวที่ดี สวยใส ไร้ริ้วรอย ชะลอผิวไม่ให้แก่ก่อนวัย ที่สำคัญไม่เป็นโรคมะเร็งผิวหนังด้วยค่ะ.

สรรหามาบอก

- คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล จัดกิจกรรมวันคล้ายวันพระราชทานกำเนิด โรงพยาบาลศิริราช 121 ปี เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ร.5 องค์พระราชทานกำเนิดโรงพยาบาล ภายในงานชมสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ “ทวาทศวรรษศิริราช...ปฐมบทโรงพยาบาลของแผ่นดิน” นิทรรศการ “รู้จัก เข้าใจ ห่วงใยผู้ป่วยมะเร็ง” และขอเชิญผู้สนใจร่วมฟังเสวนาสุขภาพเรื่อง “ทำอย่างไร! เมื่อมะเร็งอยู่ในตัว” และ “อยาก...สุขภาพดีไม่มีโรค” โดยผู้ป่วยจริงจะมาร่วมพูดคุยกับทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมให้คำปรึกษาสุขภาพ ฟรี ระหว่างวันที่ 22-24 เมษายน 2552 เวลา 09.00-15.00 น. ณ ศาลาศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช

- ศูนย์สมองและระบบประสาทกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ ขอเชิญประชาชนทุกท่านร่วมฟังสัมมนาในหัวข้อ “อยู่อย่างไร...ห่างไกลอัมพาต” รับฟังสาระความรู้เกี่ยวกับ “สัญญาณเตือน...โรคหลอดเลือดสมองตีบ” “เส้นเลือดในสมองแตกป้องกันได้” และ “เป็นอัมพาตแล้วจะลดความพิการได้อย่างไร” พร้อมรับบริการตรวจวัดความดันโลหิต อัลตราซาวด์หลอดเลือดคอเบื้องต้น (เฉพาะ 100 ท่านแรกที่ลงทะเบียนหน้างาน) และบริการให้คำปรึกษาโรคหลอดเลือดสมองโดยทีมแพทย์และเภสัชกรด้านสมอง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในวันเสาร์ที่ 25 เมษายน 2552 ตั้งแต่เวลา 07.00-11.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 7 อาคารเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลกรุงเทพ สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 1719

- โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ร่วมกับ นิตยสารรักลูก เชิญผู้สนใจชมการสาธิตและแนะวิธีปฏิบัติ ในหัวข้อ “เจาะกลยุทธ์...สร้างลูกสมองดี ตอน พัฒนาสมองลูกด้วยการเล่านิทาน อ่านหนังสือ” พร้อม เวิร์กช็อป เพื่อการพัฒนาสมองลูก ในวันเสาร์ที่ 25 เมษายน 2552 เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 4 โรงพยาบาลไทยนครินทร์ สำรองที่นั่งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-2361-2727 ต่อ 3042, 3056





มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia, Leukeamia) เป็นมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือด ทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดชนิดผิดปกติออกมามากกว่าปกติ และจะไปรบกวนการสร้างเม็ดเลือดปกติ ทำให้จำนวนเม็ดเลือดที่ปกตินั้นมีจำนวนลดน้อยลง

อาการ

เนื่องจากผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้น จะมีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของเซลล์ตัวอ่อนของเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่ออวัยวะที่สร้างเม็ดเลือดชนิดต่าง ๆ ได้แก่ ปริมาณเกล็ดเลือด ที่บทบาทสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือดนั้นลดจำนวนลง ส่งผลให้ผู้ป่วยอาจจะเกิดรอยจ้ำเลือด (bruised) มีภาวะเลือดไหลไม่หยุดได้ (bleed excessively) และ อาจจะเป็นจุดแดง ๆ ตามผิวหนังได้ (petechiae)

นอกจากนี้ การที่ผู้ป่วยมีจำนวนเม็ดเลือดขาวที่ปกติลดจำนวนลงนั้น จะทำให้ผู้ป่วยมีภาวะติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนปกติอีกด้วย รวมทั้ง การที่จำนวนเม็ดเลือดแดงมีจำนวนที่ลดลง ก็จะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการของโลหิตจาง ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะหายใจลำบากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ยังอาจจะมีอาการอื่น ๆ อีก เช่น อาการมีไข้ขึ้น หนาวสั่น น้ำหนักลด มีอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และเมื่อเซลล์มะเร็งเกิดการแพร่กระจายไปยังตับและม้าม ก็จะทำให้ตับโต และม้ามโตได้ และถ้าหากเซลล์มะเร็งเกิดการแพร่กระจายไปยังกระดูก ก็จะส่งผลทำให้มีอาการปวดกระดูกและข้อได้เช่นกัน



ประเภท
การแบ่งประเภทของมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้น สามารถแบ่งออกได้หลายแบบ ได้แก่



มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน และ เรื้อรัง
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (Acute leukemia) เกิดจากการเพิ่มจำนวนของเซลล์เม็ดเลือดตัวอ่อนอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้ไขกระดูกไม่สามารถสร้างเซลล์เม็ดเลือดที่ปกติได้ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันมักเกิดกับเด็ก โดยผู้ป่วยจะต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตภายในไม่กี่เดือน
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (Chronic leukemia) เกิดจากการที่ร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดที่ผิดปกติออกมาเป็นจำนวนมากกว่าเซลล์เม็ดเลือดที่ปกติ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีเซลล์เม็ดเลือดที่ผิดปกติในร่างกายเป็นจำนวนมาก โดยปกติแล้วมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง มักจะเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ในหลาย ๆ ช่วงอายุ


Lymphoid และ myeloid
นอกจากนี้ มะเร็งเม็ดเลือดขาวยังสามารถแบ่งได้ตามลักษณะของเม็ดเลือดขาว ได้แก่

Lymphocytic leukemia คือ การที่พบเซลล์ในสาย Lymphoid ได้แก่ ลิมโฟไซท์ (Lymphocytes) และพลาสมาเซลล์ (plasma cells) ที่ผิดปกติเป็นจำนวนมากในกระแสเลือด
Myelogenous leukemia คือ การที่พบเซลล์ที่ผิดปกติในสายmyeloid ได้แก่ eosinophils, neutrophils, และ basophils เพิ่มมากขึ้นในกระแสเลือด

ดังนั้น เราจึงสามารถแบ่งประเภทของมะเร็งเม็ดเลือดขาว ออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่

Acute lymphocytic leukemia (Acute Lymphoblastic Leukemia หรือ ALL) สามารถพบได้ในเด็กอายุน้อยกว่า 10 ปี รวมถึงในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีอีกดวย
Acute myelogenous leukemia (Acute Myeloid Leukemia (AML) หรือ acute nonlymphocytic leukemia) สามารถพบในผูใหญ่มากกว่าเด็ก
Chronic lymphocytic leukemia (CLL) พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 55 ปี และสามารถพบในเด็กได้บ้าง แต่ไม่ค่อยส่งผลกระทบเท่าไหร่
Chronic myelogenous leukemia (CML) พบได้ในผู้ใหญ่ แต่ไม่ค่อยพบในเด็ก
โดยสรุปแล้ว เราสามารถพบมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด AML และ CLL ได้ในผู้ใหญ่ ในขณะที่ เราสามารถพบมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL ในเด็ก

สาเหตุ

สาเหตุของมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้น ส่วนมากมักเกิดจากการผิดปกติของข้อมูลทางพันธุกรรม ซึ่งนำไปสู่การแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิดปกติไป นั่นคือ จำนวนเซลล์มะเร็งจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนไม่ยอมหยุด ดังนั้น เราสามารถสรุปสาเหตุการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว ดังนี้

สารก่อมะเร็ง
รังสี (Ionizing radiation)
ความผิดปกติของโครโมโซม (Chromosomal aberration)
ไวรัส บางชนิด


การรักษา

การรักษาในผู้ป่วยแต่ละราย และมะเร็งแต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน โดยหลักการการรักษาคือระยะแรกจะควบคุมโรคให้สงบ (remission) หลังจากนั้นจะป้องกันการกลับเป็นซ้ำ (relapse) ผู้ป่วยหลายรายสามารถหายขาดได้

วิธีการรักษา

เคมีบำบัด Chemotherapy สามารถให้ได้ทั้งทางฉีดและการกิน มะเร็งบางชนิดอาจต้องให้เข้าไขสันหลัง รังสีรักษา Radiotherapy สามารถให้ได้ 2 กรณีคือให้รังสีบริเวณที่มะเร็งอยู่ เช่นม้าม อันฑะ หรืออาจให้ฉายรังสีทั้งตัวเพื่อเตรียมการปลูกถ่ายไขกระดูก การปลุกถ่ายไขกระดูก Bone marrow transplantation โดยการให้เคมีบำบัดขนาดสูงร่วมกับรังสีเพื่อทำลายเซลล์หลังจากนั้นจึงนำไขกระดูกของคนปกติฉีดเข้าไป ผู้ป่วยจำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลจนกระทั่งร่างกายสามารถสร้างเม็ดเลือดได้

การสร้างภูมิคุ้มกัน Biological therapy โดยการใช้ interferon กับเซลล์มะเร็งได้บางชนิด

การรักษาอื่นๆที่จำเป็น

เนื่องจากการรักษามะเร็งเม็ดเลือดมีโรคแทรกซ้อนมากดังนั้นการรักษาอื่น ก็มีความจำเป็นไม่แพ้กัน เนื่องจากผู้ป่วยอ่อนแอเกิดการติดเชื้อง่ายดังนั้นผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงสถานที่ทีมีคนมากโดยเฉพาะช่วงที่เกิดการระบาดของโรค ถ้าได้รับการติดเชื้อที่รุนแรงจำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะ antibiotic

ภาวะโลหิตจางเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญและพบบ่อยหากเป็นมากอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยง่าย ถ้าซีดมากควรได้รับการเติมเลือด tranfussions ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจช่องปากก่อนการรักษา

ผลข้างเคียงของการรักษา

1. เคมีบำบัด Chenotherapy หลักการให้เคมีบำบัดคือทำลายเซลล์ที่แบ่งตัวเร็วซึ่งเซลล์มะเร็งแบ่งตัวเร็วดังนั้นจึงถูกทำลายมากแต่ขณะเดียวกันการให้เคมีบำบัดก็ทำลายเซลล์ปกติดังนั้นอาการข้างเคียงจึงเกิดจากการที่เซลล์ปกติถูกทำลาย ผู้ป่วยจะคลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ผมร่วง เป็นหมัน

2. รังสีรักษา Radiotherapy บริเวณที่ฉายแสงขนหรือผมจะร่วง ผิวบริเวณดังกล่าวจะแห้ง คัน ห้ามใช้ lotion ก่อนปรึกษาแพทย์

3. การปลูกถ่ายไขกระดูก Bone marrow transplantation ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เลือดออกผิดปกติ



ข้อมูล

แจม




วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552

ขั้นตอนการสมัคร Blogger

ขั้นตอนการสมัคร Blogger


การสมัคร Blogger

Stepที่1. คลิกที่ >>> Blog หรือไปที่ http://www.blogger.com/
















จะปรากฎหน้าต่างดังรูปด้านบน เพื่อสมัครสมาชิกใหม่
Stepที่ 2.คลิกที่ >>> สร้างเว็บบล็อกของท่านเดี๋ยวนี้ จะปรากฎดังรูปด้านล่าง







Stepที่ 3. ให้ใส่รายละเอียดดังรูป-ที่อยู่อีเมล : (จากที่ท่านได้สมัคร Gmail มาแล้วก่อนหน้านี้)
-Enter Password : (ใส่รหัสผ่าน)-พิมพ์รหัสผ่านอีกครั้ง-Displya name (ตั้งชื่อที่จะให้แสดงตอนโพสเว็บบล็อก)-พิมพ์ตามอักษรที่ปรากฎให้ถูกต้อง
-คลิกดำเนินต่อไป
Stepที่ 4. จากนั้นให้ตั้งชื่อ เว็บบล็อกของท่าน
-คลิกที่ตรวจสอบ เพื่อตรวจเช็คดูว่า มีใครใช้ชื่อนี้ไปหรือยัง ถ้ามีแล้วระบบจะแจ้งเตือนว่าใช้ไม่ได้ และจะมีตัวเลือกให้เราโดยอัตโนมัต ถ้าชอบใจตัวไหน ก็คลิกที่ชื่อด้านล่างตัวนั้นได้ แต่ถ้าต้องการชื่ออื่นอีกก็ตรวจสอบจนกว่าจะได้ชื่อที่คุณพอใจ เมื่อได้ชื่อตามที่ต้องการแล้ว คลิกที่ ดำเนินต่อไป


















Stepที่ 5. จากนั้นจะเข้าสู่การเลือกแม่แบบว่า เราต้องการเว็บบล็อกรูปแบบไหน มีให้เลือกมากมายตามต้องการ
















จากนั้นจะเข้าสู่การเลือกแม่แบบว่า เราต้องการเว็บบล็อกรูปแบบไหน มีให้เลือกมากมายตามต้องการสามารถคลิกเพื่อดูตัวอย่างแม่แบบได้ เมื่อได้แม่แบบตามที่เราชอบแล้ว คลิกที่ ดำเนินต่อไป




สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

เที่ยว หัวหิน สูดกลิ่นธรรมชาติ บรรยากาศแสนดี






ประวัติเมืองหัวหิน
ก่อนหน้าที่ชื่อหัวหินยังไม่เกิด มีเรื่องเล่าขานกันว่าราวปี พ.ศ. 2377 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พื้นที่เกษตรกรรมบางแห่งของเมืองเพชรบุรีแห้งแล้งกันดารมาก ราษฏรกลุ่มหนึ่งจึงทิ้งถิ่นย้ายลงมาทางใต้ จนมาถึงบ้านสมอเรียงซึ่งอยู่เหนือขึ้นมาจากเขาตะเกียบและบ้านหนองแกหรือบ้าน หนองสะแก ที่บ้านสมอเรียงนี้มีหาดทรายชายทะเลแปลกกว่าที่อื่น
คือมีกลุ่มหินกระจัดกระจายอยู่อย่างสวยงาม ทั้งที่ดินก็มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับทำไร่ทำนาการประมง บรรพชนเหล่านี้จึงเป็นเสมือนผู้ที่ลงหลักปักเสาสร้างบ้านหัวหินขึ้น จนกลายเป็นหมู่บ้านที่เรียกกันแต่แรกว่า “ บ้านสมอเรียง ”
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ (พระองค์เจ้าชายกฤษดาภินิหาร ต้นราชสกุลกฤดากร)
เป็นเจ้านายพระองค์แรกที่สร้างตำหนักหลังใหญ่ชายทะเลด้านใต้ของหมู่หิน (ปัจจุบันอยู่ติดกับโรงแรมโซฟิเทลฯ) และประทานชื่อตำหนักว่า “แสนสำราญสุขเวศน์” ต่อมาทรงปลูกอีกหลังหนึ่งแยกเป็น แสนสำราญ และ สุขเวศน์ เพื่อไว้ใช้รับเสด็จเจ้านาย พร้อมกับทรงสร้างเรือนขนาดเล็กใต้ถุนสูงอีกหลายหลัง ซึ่งต่อๆ มาคือ “บังกะโลสุขเวศน์” ทรงขนานนามหาดทรายบริเวณตำหนักและหาดถัดๆ ไปทางใต้เสียใหม่ว่า “หัวหิน” เป็นคนละส่วนกับบ้านแหลมหินเดิม โดยมีกองหินชายทะเลเป็นที่หมายแบ่งเขต ซึ่งบ้านแหลมหินเดิมมีเขตด้านใต้ถึงเพียงแค่ต้นเกดใหญ่ชายทะเล (ปัจจุบันอยู่หน้าโรงแรมโซฟิเทลฯ มีศาลเทพารักษ์ใหญ่) เท่านั้น ไม่ถึงที่ดินของเสด็จในกรมฯ ครั้นเมื่อวันเวลาผ่านไป ชื่อ “หัวหิน” ก็แผ่คลุมทั้งหาดทั้งตำบลจนขยายเป็นอำเภอหัวหิน
ส่วนที่ดินแปลงที่อยู่ตรงหมู่หินชายทะเล เป็นของสมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ซึ่งทรงสร้างตำหนักใหญ่ขึ้นถึงสองครั้ง ครั้งแรกคือตำหนักขาว ครั้งหลังคือตำหนักเทาและเรือนเล็กอีกหลายหลัง ซึ่งก็คือบ้านจักรพงษ์ในเวลาต่อมา ปัจจุบันคือโรงแรมเมเลีย ซึ่งได้เปลี่ยนผู้ดำเนินการเป็นโรงแรมฮิลตัน
ใน ช่วงเวลาเดียวกันกับการสร้างพระราชวังไกลกังวล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ต้นราชสกุลบุรฉัตร ก็ได้จัดสร้างตลาดฉัตร์ไชยขึ้นในที่ดินพระคลังข้างที่ โดยออกแบบให้มีหลังคารูปโค้งครึ่งวงกลมต่อเนื่องกัน 7 โค้ง เพื่อสื่อความหมายว่าเป็นการสร้างขึ้นในรัชกาลที่ 7 ทั้งตัวอาคารและแผงขายสินค้าเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ตัวตลาดโล่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก และจัดว่าเป็นตลาดที่ถูกสุขลักษณะที่สุดของประเทศไทยในขณะนั้น ชื่อตลาดฉัตร์ไชยนี้มาจากพระนามเดิมของพระองค์ คือพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากรนั่นเอง ต่อมาตลาดฉัตร์ไชยและโรงแรมรถไฟ หรือโฮเต็ลหัวหินก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของชายทะเลหัวหิน ส่วนพระราชวังไกลกังวลนั้นถือว่าเป็นสถานที่อันควรสักการะบูชา มากกว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
นับตั้งแต่มี การสร้างทางรถไฟสายใต้แล้วเสร็จ เชื่อมต่อกับชายแดนของประเทศมาเลเซีย หัวหินก็มีชื่อเสียงว่าเป็นสถานที่พักตากอากาศอันลือชื่อของไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อน ว่ายน้ำ ตกปลา และตีกอล์ฟเนื่องจากมีสนามกอล์ฟ หัวหินรอยัลกอล์ฟ ซึ่งจัดเป็นสนามกอล์ฟระดับมาตรฐานสากลแห่งแรกของประเทศไทยอีกด้วย
ชื่อ เสียงของหัวหินนั้น เติบโตเคียงข้างมากับโรงแรมรถไฟก็ว่าได้ ต่อมามีการสร้างบังกะโลขึ้นคือ เซ็นทรัลหัวหินวิลเลจ ซึ่งได้ถูกคัดเลือกให้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง “Devil’s Paradise” เช่นเดียวกับโรงแรมรถไฟหัวหิน ซึ่งใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง “The Killing Fields” โดยเป็นการจำลองสถานที่คือ โรงแรมชั้นนำในกรุงพนมเปญในยุคสงคราม
หัวหิน" นับเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย จากแต่เดิมที่เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง และได้ถูกเปลี่ยนแปลงจนกลายมาเป็นสถานที่พักผ่อนติดทะเล ที่ติดอันดับความนิยมของประเทศในตอนนี้ (วู้ว... สุดยอด !!) ปัจจุบัน "หัวหิน" มีที่พัก รีสอร์ท และโรงแรมชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ทของชาวบ้านเอง หรือรีสอร์ทที่เป็นระดับห้าดาว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเสน่ห์ของหัวหินยังคงเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนตลอดทั้งปี...

หัวหิน... หัวหิน... หัวหิน... เมื่อพูดถึง "หัวหิน" หลายคนมักนึกถึงแต่ทะเล เที่ยวทะเล... เที่ยวทะเล... เที่ยวทะเล... แต่จริงๆ แล้ว "หัวหิน" ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอบเมืองอีกมากมายนะคะ ว่าแล้วเราไปดูกันดีกว่าว่ามีที่ไหนน่าเที่ยวกันบ้าง...





พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน

รัชกาลที่ 6 โปรดให้รื้อพระตำหนักหาดเจ้าสำราญมาปลูกขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2466 ได้รับขนานนามว่า "พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง" ลักษณะเป็นพระตำหนักไม้สองชั้น หันหน้าออกสู่ทะเล พระตำหนักฝ่ายในอยู่ปีกขวา ทางปีกซ้ายเป็นส่วนของฝ่ายหน้า ประกอบด้วยพระที่นั่งสามองค์เชื่อมต่อถึงกันโดยตลอด "พระที่นั่งสุนทรพิมาน" เป็นที่ประทับของพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระวรชายา "พระที่นั่งพิศาลสาคร" เป็นที่ประทับของพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

เป็นหมู่พระที่นั่งตรงกลางประกอบด้วยห้องต่างๆ สำหรับสำราญพระอิริยาบถ ห้องพักข้าราชบริพารที่คอยรับใช้ใกล้ชิด ห้องทรงพระอักษร และ "พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ " เป็นอาคารโถงสองชั้นเปิดโล่งใช้เป็นที่ประชุมในโอกาสต่างๆ และเป็นโรงละคร ซึ่งเคยจัดแสดงละครครั้งสำคัญ 2 ครั้ง คือ เรื่องพระร่วง และวิวาห์พระสมุทร














พระราชวังบ้านปืน

พระราชวังบ้านปืน หรือ พระรามราชนิเวศน์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ให้สร้างด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นพระราชนิเวศน์ สำหรับประทับแรมในฤดูฝน ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่จากราษฎร และให้จอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้า บริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นแม่กองจัดการก่อสร้าง สร้างแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ออกแบบโดยมิสเตอร์คาลเดอริง ชาวเยอรมัน

เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2452 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท และทรงเปลี่ยนเป็น"พระรามราชนิเวศน์" ปี พ.ศ. 2461 ใช้เป็นที่รับรองแขกเมือง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนผู้กำกับลูกเสือ โรงเรียนฝึกหัดครูเกษตรกรรม โรงเรียนประชาบาลประจำตำบล ฯลฯ




















การเข้าชมต้องทำหนังสือล่วงหน้าถึงผู้บังคับการจังหวัดทหารบก กองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 11 อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี 76000 หรืออาจติดต่อที่ป้อมยามแลกบัตรเพื่อขอเข้าชมอย่างไม่เป็นทางการ




สถานีรถไฟหัวหิน (พลับพลาสถานีรถไฟ)

"สถานีรถไฟหัวหิน" เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดของไทย สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานีรถไฟแห่งนี้ คือ พลับพลาในแบบสถาปัตยกรรมไทยเด่นสะดุดตา ซึ่งได้ย้ายมาจากพระราชวังสนามจันทน์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 มีความสวยงามทางด้านสถาปัตย์และศิลป์ ซึ่งใครที่เห็นจะรู้สึกประทับใจ สถานียังคงเปิดให้บริการจวบจนทุกวันนี้ (ว้าว...)

เขาหินเหล็กไฟ

จุดชมวิวตัวเมืองและอ่าวหัวหินที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ประกอบด้วยจุดชมวิวหลายจุด ที่สำคัญคือเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ ยังมีศูนย์สินค้าพื้นเมือง สวนนก ร้านขายอาหาร และเครื่องดื่ม เป็นต้น ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหินไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3 ก.ม. ช่วงเวลาที่เหมาะต่อการชมพระอาทิตย์ คือ ช่วงเช้าตรู่ และยังมีสวนสาธารณะไม้ดอก สวนผีเสื้อ อยู่บนเขา และมีจุดชมวิวเห็นตัวเมืองหัวหิน สนามกอลฟ์ และทะเล (ยืนชมวิวกับคนรักก็เก๋ไม่เบา อิอิ)













เขาตะเกียบ เขาไกรลาส

มีวัดตั้งอยู่บนภูเขาซึ่งยื่นออกไปในทะเล ตั้งอยู่ห่างตัวเมืองทางทิศใต้ 6 ก.ม. ภายในบริเวณวัดร่มรื่น เย็นสบาย มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพอ่าวหัวหินที่งดงามมากจุดหนึ่ง รอบเขาตะเกียบนี้มีที่พักและร้านอาหารให้บริการหลายแห่ง และยังมีภูเขาลูกเล็กๆ 2 ลูกอยู่ใกล้กัน ห่างจากหัวหินไปทางใต้ประมาณ 14 กิโลเมตร เขาตะเกียบมีโขดหินที่ยื่นออกไปในทะเล มีความสวยงามเหมาะกับการพักผ่อนเป็นที่สุด และยังมีจุดชมวิวสวยๆ อีกด้วย



เขาช่องกระจก

อยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัด แม้จะสูงชัน แต่มีบันไดขึ้นไปจนถึงยอดเขา แต่ขึ้นไปแล้วรับรองคุ้มค่า เพราะจะได้เห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ และทางทิศเหนือของภูเขาลูกนี้มีช่องคล้ายกรอบกระจก จึงเรียกว่า "เขาช่องกระจก" ที่สำคัญบนเขานี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธบาทจำลองด้ว















หาดสวนสนประดิพัทธ์

อยู่ห่างจากหัวหินไปทางทิศใต้ประมาณ 9 กิโลเมตร โดยมีทางแยกจากถนนเพชรเกษมที่ กม. 240 เข้าไปประมาณ 500 เมตร มีรถโดยสารจากหัวหินไปยังสวนสนทุก 20 นาที บริเวณชายหาดมีที่พักลักษณะเป็นบังกะโล เรือนแถว และห้องพัก ไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

เกาะสิงโต

ตั้งอยู่ห่างจากฝั่งสวนสนประมาณ 800 เมตร เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีผู้นิยมไปตกปลาและดำน้ำ ติดต่อเช่าเรือได้ที่หมู่บ้านเขาตะเกียบ

หาดหัวหิน

ชายหาดอันเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักตากอากาศที่มีชื่อเสียงแห่งแรกของเมืองไทย ด้วยน้ำทะเลใส ทรายสะอาด บรรยากาศดี จึงเป็นที่ใฝ่ฝันและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมานานทุกยุคทุกสมัย

ตลาดโต้รุ่งหัวหิน

นับเป็นสีสันยามราตรีของหัวหิน ทุกเย็นมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนไปเสมอ เพราะเป็นแหล่งรวมแผงอาหารนานาชนิด ทั้งอาหารไทย อาหารทะเล ขนมไทย โรตีแขก ปรุงสดๆ ให้เลือกสรร นอกจากนั้นยังมีของที่ระลึกจำหน่ายมากมาย

สวนหลวงราชินี

สวนสาธารณะริมทะเลแห่งใหม่ของหัวหิน 19 ถ.เพชรเกษม ก่อนถึงตัวเมืองหัวหิน 2 ก.ม.เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และจัดกิจกรรมต่างๆ มีดนตรีฟังสบายๆ ทุกเย็นวันศุกร์
น้ำตกป่าละอู

น้ำตกสวยงามขนาด15 ชั้น กลางป่าดิบชื้นอันอุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่ในเขตตำบลหนองพลับ อ.หัวหิน ห่างจากตัวเมืองหัวหินไปทางทิศตะวันตกประมาณ 60 กิโลเมตร ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีน้ำไหลตลอดปี เป็นแหล่งที่มีผีเสื้อชุกชุม ช่วงเวลาที่เหมาะต่อการท่องเที่ยว คือ ช่วงเช้าตรู่ ประมาณ 07.00 - 10.00 น. เนื่องจากอากาศเย็นสบายและมีโอกาสพบสัตว์ป่า รวมทั้งนกหายากหลายชนิด เช่น นกเงือก
อุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด

ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของกิ่งอำเภอสามร้อยยอด ตามตำนานเล่าว่าเดิมเคยเป็นทะเลที่มีเกาะแก่งมากมาย เรือสำเภาจีนเดินทางค้าขายผ่านมาและเกิดอัปปางลง ลูกเรือว่ายน้ำหนีขึ้นฝั่งรอดชีวิต 300 คน จึงตั้งชื่อว่า "เขาสามร้อยรอด" แล้วเพี้ยนมาเป็น "เขาสามร้อยยอด" ซึ่งพ้องกับลักษณะ 4 ภูมิประเทศ ที่เป็นเขาหินปูนมากมายนับไม่ถ้วนนั่นเอง เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรก

ด้วยเนื้อที่ 98 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศประกอบด้วยเทือกเขาหินปูนสลับซับซ้อน ลำคลอง และที่ราบน้ำท่วมถึง เกิดเป็นทุ่งหนองมีพืช ปลา สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ค่างแว่นถิ่นใต้ เลียงผา นก ซึ่งมีทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพมากมายถึงกว่า 300 ชนิด เป็นระบบนิเวศแห่งพื้นที่ชุ่มน้ำที่สมบูรณ์และมีความสำคัญในระดับประเทศ



ข้อมูลการเดินทาง

โดยรถยนต์ส่วนตัว ได้ 2 เส้นทาง

- สายธนบุรี - ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ถ.เพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านเพชรบุรี เข้าหัวหิน ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

- สายพุทธมณฑล ผ่านนครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ประมาณ 3 ชั่วโมง

โดยรถโดยสาร

เริ่มต้นที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ รถปรับอากาศมี 2 ประเภท คือ ชั้น 1 และ ชั้น 2 รถปรับอากาศชั้น 1 จะจอดเฉพาะอำเภอที่สำคัญเท่านั้น ส่วนรถปรับอากาศชั้น 2 จะแวะจอดรับผู้โดยสารระหว่างทางด้วย

รถปรับอากาศชั้น 1

บ.พุดตานทัวร์ โทร.02-435-5302
บ.หัวหิน-ปราณทัวร์ 02-884-6191-2
บางสะพานทัวร์ 02-435-5105

รถปรับอากาศชั้น 2

รถร่วมบริการ 02-437-7414

โดยรถไฟ

มีรถไฟไปหัวหินทุกวัน เริ่มที่หัวลำโพง โทร. 02-233-7010 , 02-223-7020

เริ่มที่สถานีธนบุรี-บางกอกน้อย โทร. 02-411-3104

โดยเครื่องบิน

โดยบริษัทบางกอกแอร์เวย์ มีเที่ยวบินกรุงเทพฯ-หัวหิน วันละ 1 เที่ยว โทร. 02-229-3456-63

http://th.upload.sanook.com/A0/52a2e969f2a7275989f8114de9e08f6d
http://th.upload.sanook.com/A0/52a2e969f2a7275989f8114de9e08f6d

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552

taew





cake





มะตูม





pharadorn








วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552

marchmero





nenolaw

picasa.html'>อัลบั้มนีโน่(picasa)




ohmochang



ทะเลแสนสวยของ TonFern


sudaphot

toom





namfongis


toommin




ปอย




เอ้



บุ๋ม



วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552

โคลนนิ่ง คืออะไร ?



โคลนนิ่ง คืออะไร ?


ตามความหมาย โคลนนิ่ง (Cloning) หมายถึงการคัดลอก หรือทำซ้ำ (copy) นั่นเอง สำหรับทางการแพทย์ หมายถึงการสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ ซึ่งมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนของเดิมทุกประการ การโคลนนิ่งเกิดอยู่เสมอในธรรมชาติ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนได้แก่ การเกิดฝาแฝดเพศเดียวกันและหน้าตาเหมือนกัน นั่นเอง กระบวนการโคลนนิ่งที่มนุษย์ทำขึ้น ได้นำมาใช้เป็นเวลานานแล้วโดยเราไม่รู้ตัว ได้แก่การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช และตัวอ่อนสัตว์ โดยการแยกเซลล์ ซึ่งทำกันทั่วไปในวงการเกษตร

แต่ข่าวที่เป็นที่น่าตื่นเต้นในวงการวิทยาศาตร์การแพทย์ไปทั่วโลก ได้แก่ การทำโคลนนิ่งแกะ ที่ชื่อว่า ดอลลี่ นับเป็นการค้นพบครั้งใหม่ของวงการทีเดียวดอลลี่ เกิดมาได้ยังไง ?


สถาบัน รอสลิน ผู้สร้างดอลลี่ขึ้นมา โดยใช้เซลล์จากเต้านมของแกะหน้าขาวตัวหนึ่งซึ่งเจริญเต็มที่ ดูดเอานิวเคลียสของเซลล์ออกมา แล้วนำไปใส่ในไข่ที่ดูดมาจากรังไข่ของแกะหน้าดำ ซึ่งได้ดูดเอานิวเคลียสทิ้งไป เมื่อนำไปใส่แล้ว ก็นำเซลล์ที่ได้ ไปใส่ในโพรงมดลูกของแกะหน้าดำตัวเดิม ให้เกิดการฝังตัวและตั้งครรภ์ได้ เมื่อครบกำหนด ออกมาลูกของแกะหน้าดำที่คลอดออกมากลับกลายเป็นแกะหน้าขาว ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกับแกะหน้าขาว เจ้าของเซลล์เต้านมทุกประการแล้วมันแปลกยังไง เป็นความรู้ใหม่ตรงไหน ?


ความรู้จากการค้นพบใหม่นี้ มีหลายประการได้แก่
เป็นครั้งแรกที่สามารถทำให้เกิดการสืบพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction) ได้ในสัตว์ชั้นสูงเช่นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งแต่เดิมมา การสืบพันธุ์จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยสารพันธุกรรมในโครโมโซม ครึ่งหนึ่งมาจาก sperm ของพ่อ (n) และอีกครึ่งหนึ่ง มาจากไข่ของแม่(n) แต่การโคลนนิ่งที่เกิดขึ้นนี้ สารพันธุกรรมในโครโมโซมทั้งหมด (2n) มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน คือ เซลล์เต้านมเซลเดียว
เป็นครั้งแรกที่พบว่า เซลล์ที่มีการจำแนกชนิด (differentiation) แล้ว ซึ่งทำหน้าที่เฉพาะ และไม่ทำหน้าที่อื่นอีก เช่น เซลล์เต้านม ซึ่งทำหน้าที่ผลิตน้ำนมแต่เพียงอย่างเดียว ไม่ทำหน้าที่อื่น สามารถย้อนกลับไปเป็นเซลล์ที่ไม่จำแนกชนิด (undifferentiated cell) เพื่อสามารถจำแนกชนิดได้อีกครั้ง กลายเป็นเซลล์สำหรับอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ, สมอง, ผิวหนัง, เลือด, อวัยวะต่าง ๆ
ทำให้เราได้ทราบว่า มีปัจจัยบางอย่าง (ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร) ซึ่งน่าจะอยู่ในไข่ ส่วน cytoplasm สามารถทำให้ยีนหรือสารพันธุกรรม ซึ่งถูกหยุดการทำงานไปแล้ว เนื่องจากการจำแนกชนิด ให้กลับมาทำงานได้อีก ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า เซลล์ทุกชนิดในร่างกายของเรา มีสารพันธุกรรมเหมือนกันทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาว, เซลล์ตับอ่อน, แม้กระทั่งเซลล์ประสาท แต่การที่เซลล์เม็ดเลือดขาวสามารถจับกินเชื้อโรคได้ แต่สร้างฮอร์โมนอินสุลินไม่ได้ ในขณะที่เซลล์ตับอ่อน สามารถสร้างฮอร์โมนอินสุลินได้ แต่จับกินเชื้อโรคไม่ได้ เนื่องจากเซลล์เหล่านี้ มียีนบางตัวที่ถูกหยุดการทำงานไปแล้ว และบางตัวยังคงทำงานอยู่ไม่เหมือนกันในแต่ละชนิดของเซลล์แล้วมนุษย์เราได้ประโยชน์จากความรู้นี้ยังไงบ้าง ?



ประโยชน์ที่ได้รับจากโคลนนิ่ง ได้แก่
ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้เข้าใจขบวนการทำงานของยีน และการจำแนกชนิดของเซลล์ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ได้ในการแพทย์ เช่น ในอนาคตเมื่อเราทราบปัจจัยที่ทำหน้าที่ ปิด หรือเปิด การทำงานของยีน จะสามารถนำมารักษาโรคได้ เช่น ผู้ป่วยสมองตายจากอัมพาต ในอนาคตอาจสามารถกระตุ้นให้เซลล์สมอง แบ่งตัวทดแทนเซลล์ที่ตายไปได้ หรือผู้ป่วยที่ไตวาย สามารถกระตุ้นการทำงานและแบ่งตัวเซลล์ไตที่เหลืออยู่ให้ทำหน้าที่ทดแทนได้
มีประโยชน์ในการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์และพืชหายาก และใกล้สูญพันธุ์ ให้แพร่ขยายจำนวนขึ้นได้รวดเร็วกว่าการผสมกันตามธรรมชาติ
คู่สมรสที่ไม่มีโอกาสให้กำเนิดบุตรด้วยวิธีอื่น อาจมีโอกาสได้บุตรมากขึ้น
ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ อาจได้อวัยวะที่เข้ากันได้ ลดความเสี่ยงต่อการใช้ยากดภูมิคุ้มกันแล้วไม่มีข้อเสียหรือโทษบ้างเลยหรือ ?


ข้อระมัดระวัง และประเด็นสำคัญของโคลนนิ่ง ที่สำคัญที่สุดในด้านจริยธรรม ทำให้เกิดความหวาดกลัวจนประธานาธิบดี บิล คลินตัน สั่งระงับการค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้ไว้ก่อน ได้แก่
การทำโคลนนิ่งทำให้เกิดการคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีในการเป็นต้นแบบ ซึ่งปัญหาอยู่ที่ว่า เราใช้อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสินว่าลักษณะอย่างใด ที่เรียกว่าดี อย่างไรไม่ดี เนื่องจากลักษณะอย่างหนึ่ง ในสถานการณ์หรือสภาวะหนึ่ง อาจเป็นสิ่งดี แต่อีกสถานการณ์หนึ่งอาจจะไม่ดีก็ได้ เช่น ผิวดำ กับ ผิวขาว ดีหรือไม่, กรุ๊ปเลือดอะไร ฯลฯ
ความเหมือนกัน ทำให้สูญเสียความมีเอกลักษณ์ และความหลากหลาย อันเป็นต้นกำเนิดของวิวัฒนาการ ถ้าทุกคนทุกชีวิต เหมือนกันหมด จะไม่มีการพัฒนาสายพันธุ์ที่ดีขึ้น
การทำโคลนนิ่งในมนุษย์ด้วยจุดประสงค์อันใดก็ตาม ก่อให้เกิดปัญหาจริยธรรมตามมามากมาย เช่น การทำโคลนนิ่งเพื่อต้องการอวัยวะมาเปลี่ยน แล้วจะถือว่าสิ่งที่โคลนขึ้นมาเป็นมนุษย์ด้วยหรือไม่ หรือเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตธรรมดา, ปัญหาทางกฎหมาย ใครเป็นตัวจริง ตัวปลอม, การพิสูจน์บุตร, การค้นหาผู้กระทำผิดในคดีต่าง ๆ, การจำแนกคนโดยใช้การตรวจ DNA เป็นต้น

โดยสรุปแล้ว เห็นได้ว่าการทำโคลนนิ่งเป็นการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง แต่มีประเด็นตามมาอีกมากมาย ทั้งในทางบวกและลบ แต่ควรตระหนักไว้ว่า "การค้นพบความจริงทางธรรมชาติเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์เสมอ แต่จะเกิดโทษหรือไม่ขึ้นกับว่ามนุษย์นำความรู้นี้ ไปประยุกต์ใช้อย่างไร"



วิธีการโคลนนิ่ง
ในการโคลนนิ่งเป็นการนำเอานิวเคลียสของเซลล์ต้นแบบไปถ่ายฝากในเซลล์ไข่ที่ดูดเอานิวเคลียสออกแล้ว จึงเอานิวเคลียสของเซลล์ต้นแบบไปผ่านกระแสไฟฟ้า เพื่อเหนี่ยวนำให้ผนังเซลล์หลอมติดกันแล้วจึงนำไปเพาะเลี้ยงให้มีการพัฒนาเป็นเอ็มบริโอจนถึงระยะย้ายฝากได้
การเตรียมเซลล์ไข่เพื่อรับการถ่ายฝากนิวเคลียส ใช้เซลล์ไข่มาทำการเพาะเลี้ยงให้ไข่อ่อนเจริญจนถึงระยะเมตาเฟส II ในห้องปฏิบัติการในน้ำยาเพาะเลี้ยง TCM 199 ที่เสริมด้วยฮอร์โมน ในอุณหภูมิ 39 องศาเซลเซียส และสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมมีความชื้นสูงเป็นเวลา 20 ถึง 24 ชั่วโมง เซลล์ไข่จะสุกถึงระยะเมตาเฟส II สังเกตจากเซลล์หุ้มเซลล์ไข่กระจายออกมาก นำเซลล์ไข่เหล่านี้มาดูดเอานิวเคลียสออกภายใต้กล้องจุลทรรศน์ที่ติดตั้งเครื่องมือจุลศัลยกรรม โดยมีปิเปตแก้วดูดจับเซลล์ไข่ไว้และปิเปตอีกข้างจะทำหน้าที่เจาะเซลล์ไข่เพื่อดูดเอานิวเคลียสออกมา ปิเปตแก้วเล็กๆนี้ได้รับการแต่งปลายให้เหมาะสมกับการใช้งาน จากนั้นใช้ปิเปตที่ดูดนิวเคลียสไปจับเซลล์ต้นแบบแล้วนำไปใส่ในเปลือกหุ้มเซลล์ไข่ ผนังเซลล์ทั้งสองจะสัมผัสกันจึงนำไปหลอมเซลล์ทั้งสองเข้าด้วยกัน ด้วยเครื่องหลอมเซลล์ ( electrofusion ) โดยใช้กระเสไฟฟ้าที่เหมาะสม นิวเคลียสที่เป็นเซลล์ต้นแบบอาจจะมาจากเซลล์เอ็มบริโอหรือเซลล์ร่างกายชนิดต่างๆนำเซลล์ที่หลอมแล้วมาทำการเพาะเลี้ยงต่อเพื่อให้มีการแบ่งตัวเป็นเอ็มบริโอจนถึงระยะนำไปย้ายฝากได้ การผลิตเอ็มบริโอเพื่อใช้เป็นเซลล์ต้นแบบ เอ็มบริโออาจได้จากการผสมตามธรรมชาติหรือผสมเทียมแล้วชะล้างออกมาจากตัวแม่หรือได้จากการผสมในหลอดทดลอง โดยเซลล์ไข่สุกที่ได้จากการเพาะเลี้ยง 20 ถึง 24 ชั่วโมงจะถูกนำมาปฏิสนธิกับเซลล์อสุจิของโคตัวผู้ซึ่งอาจเป็นเซลล์อสุจิที่ได้จากน้ำเชื้อสดหรือน้ำเชื้อแช่แข็งก็ได้ นำมาคัดเลือกเซลล์อสุจิโดยให้ว่ายน้ำขึ้นในน้ำยาเพื่อให้ได้เซลล์อสุจิที่มีอัตราการเคลื่อนไหวดี และนำมาเตรียมความพร้อมของหัวเซลล์อสุจิโดยใช้สารเฮปพาริน จึงนำไปผสมกับเซลล์ไข่โดยใช้เซลล์อสุจิที่มีคามเข้มข้น 1x106เซลล์/มิลลิลิตร เพาะเลี้ยงภายในเวลา 20 ชั่วโมง แล้วนำมาเพาะเลี้ยงร่วมกับเซลล์บุท่อนำไข่ เป็นเวลาประมาณ 4 ถึง 7 วัน แล้วแต่การเลือกใช้เซลล์จากเอ็มบริโอระยะใดอาจเพาะเลี้ยงจนหลุดออกจากเปลือกหุ้มและเกาะติดจานแก้วทำให้ได้เซลล์ที่เรียกว่าเซลล์ต้นกำเนิดเอ็มบริโอจึงจะนำมาใช้เป็นเซลล์ต้นแบบได้
แม้ว่าการโคลนนิ่งจะมีความน่ากลัวเป็นเงาแฝงอยู่ในแง่ที่ว่านักวิทยาศาสตร์สามารถโคลนนิ่งมนุษย์ได้ แต่ถ้าสังคมมีกฎเกณฑ์และกฏหมายการโคลนนิ่งมนุษย์ การโคลนนิ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอีกต่อไปแต่เป็นการให้ประโยชน์มากกว่า
3 รูปแบบกับการโคลนนิ่ง
เอ็มบริโอ โคลนนิ่ง เป็นการสร้างแฝดเหมือนจากไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว โดยเริ่มการโคลนนิ่งโดยการกระตุ้นไข่ที่ผสมแล้วให้แบ่งเป็นตัวอ่อน เป็น ๒, ๓, ... ตัว โดยทั้งหมดจำมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกันทั้งหมด วิธีการนี้ มีการใช้กับสัตว์หลายพันธุ์ หลายชนิดมาแล้วหลายปี แต่กับคน ยังอยู่มีการทดลองในวงแคบๆ
ดีเอ็นเอ โคลนนิ่ง เป็นการจำลองพันธุกรรมจากสัตว์หรือมนุษย์ที่โตเต็มวัย เพื่อสร้างให้เหมือนกับต้นแบบ โดยการแยกนิวเคลียสออกจากไข่ กระจุ้นด้วยไฟฟ้าเพื่อประสานนิวเคลียสจากเซลล์ต้นแบบเข้าแทนที่ และนำไข่ที่ประสานนิวเคลียสแล้วถูกกระตุ้นให้แบ่งตัวเป็นตัวอ่อน และนำตัวอ่อนกลับไปไว้ที่ 'แม่' สิ่งที่ได้ออกมาจะมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกับ 'ต้นแบบ' แกะดอลลี่ ใช้วิธีการโคลนนิ่งแบบนี้
การโคลนเพื่อสร้างอวัยวะ ใช้วิธีการแบบ ดีเอ็นเอ โคลนนิ่ง แต่จะทำเฉพาะอวัยวะเป็นส่วนๆ เพื่อนำอวัยวะมาทดแทนส่วนที่เสื่อมสภาพของเจ้าของเซลล์







วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2552

blogger

ข้อมูลสรุปนี้ไม่พร้อมใช้งาน โปรด คลิกที่นี่เพื่อดูโพสต์

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2552

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552

งานชิ้นที่ 2

1.1 ค้นหาเว็บไซค์บอกเวลาทัวโลก
http://school.obec.go.th/bannongtapan/time.html

1.2 ให้นิสิตค้นหาMapของสถานที่สำคัญ


View Larger Map

1.3 ค้นหาเว็บบอกอุณหภูทั่วโลก

http://thai.wunderground.com/

แนะนำตัวเอง




...




ชื่อ นางสาวธัญลักษณ์ สีแสด

ชื่อเล่น แอน

เพื่อนพี่ชอบเรียก แอนนี่ น้องแอน จ้า

เกิดวันที่ 18 กันยายน 2531

มีพี่น้อง 2 คน เป็นคนที่ 1จร้า

ที่พักพิง หอพักสตรีร่มฉัตร 1 ห้อง 2220

นิสัยส่วนตัว โกรธงายหายเร็ว เข้ากับเพื่อนได้ง่าย

ชอบที่สุด ชอบเห็นคนรักกัน คนจริงใจจร้า ไม่โกหกด้วย

อนาคตอยากเป็น นักวิจัย

อดีต ไม่สำคัญ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

เพื่อนสนิทสุดๆๆ เจี๊ยบ เอี้ยง จร้าเรารักกันมาก

ชอบดูหนังเรื่องเพื่อนสนิท

รักที่สุดในชีวิต พ่อกับแม่ และน้อง

ภูมิใจสุดๆ เป็นเด็กดีของพ่อกับแม่จ้า

อาหารที่ชอบ กระเพราไก่ไข่ดาว

สถานที่ชอบเที่ยว ทะเล น้ำตกจร้า

เพลงที่ชอบ คนไร้ค่าที่มาก่อน

คติ อดทน พยายาม ฝึกฝน

สิ่งที่ไม่ชอบที่สุด คนหลายใจ โกหก หลอกลวง

เวลาว่าง ฟังเพลง อ่านหนังสือ นอน

สีที่ชอบ สีชมพู

ปัจจุบัน ศึกษาระดับปริญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ เอกชีววิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

กลอนที่ชอบมากๆ

...
...